วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

St. Bernard




เซนต์เบอร์นาร์ด เป็นสุนัขที่มีขนาดใหญ่ที่สุด น้ำหนักมากที่สุดแต่ใจดีที่สุด ตามสมญานามเรียกขานว่า สุนัขนักบุญ (SAINT) มีประวัติความเป็นมาว่า นักบุญเซนต์ เบอร์นาร์ด เดอเมนธอน ได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเทือกเขาแอลป์ โดยมีสุนัขคอยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ติดอยู่ในหิมะ หรือหลงทางหรือนอนหนาวอยู่ท่ามกลางลานหิมะ

สุนัขพวกนี้จมูกไว ดมรู้ว่ามีคนจมอยู่ใต้หิมะแม้จะลึกหลายๆฟุต สุนัขจะออกวิ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 ตัว เป็นการวิ่งลาดตระเวนในระหว่างที่เกิดพายุหิมะถล่ม หรือหลังจากที่เกิดพายุหิมะแล้ว เพื่อค้นหาคนเดินทางที่ประสบอันตรายติดอยู่ในกองหิมะ เมื่อพบกับผู้เคราะห์ร้าย สุนัข 2 ตัวจะนอนลงบนหิมะแนบชิดร่างกายของผู้นั้น เพื่อให้ความอบอุ่น และสุนัขอีกตัวหนึ่งจะเลียตามใบหน้าเพื่อช่วยให้มีสติฟื้นคืนมา

ในขณะเดียวกันสุนัขอีกหนึ่งตัวในกลุ่มจะวิ่งย้อนกลับไปยังสถานที่พัก เพื่อแจ้งเหตุร้ายให้นักบวชทราบ และพามายังสถานที่เกิดเหตุ "ถังไม้เล็กๆ" ที่ผูกติดคอมีไว้เพื่อใส่เหล้าหรือยาไว้ให้ผู้ประสบภัยเปิดกินได้ เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และมีผ้าห่มผูกติดหลังเอาไว้เพื่อให้ผู้ประสบภัยห่มกันหนาว

นอกจากนี้นี้ยังได้กลับมาตามคนไปช่วยคนจากหลุมหิมะและพากลับมายังที่พักได้ นอกเหนือจากความสามารถในการค้นหาเส้นทางและประสาทในการดมกลิ่น ซึ่งสามารถทำให้ค้นหาร่างของมนุษย์ซึ่งถูกฝังอยู่ใต้หิมะ สุนัขยังมีชื่อเสียงในการมีสัมผัสที่หกที่เหนือธรรมชาติ ซึ่งทำให้มันทราบว่าพายุหิมะกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว จะมีการรายงานอย่างทันท่วงที โดยที่สุนัขจะเปลี่ยนจุดยืนอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไม จึงเป็นเช่นนั้น ภายในเวลาไม่กี่อึดใจที่พายุหิมะจะเกิดและถล่มตรงจุดนั้น ซึ่งจะทำให้ร่างถูกฝังอยู่ใต้หิมะ หรือน้ำแข็งหนักหลายตัน

ในครั้งแรกนักบวชได้เลือกเอาสุนัขจากดินแดนใกล้เคียงไปเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขพันธุ์โมลอสเชี่ยน ต่อมาก็คือสุนัข "เซนต์เบอร์นาร์ด" นั่นเอง เป็นวีรกรรมที่กล่าวขานกันตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ ชาวอังกฤษในตอนต้น ค.ศ. 1810 ได้สั่งนำเข้าสุนัขที่ใช้ในสถานที่พักคนเดินทางเข้ามาในประเทศ เพื่อเสริมสายเลือดสุนัขพันธุ์มาสตีฟที่มีอยู่ ซึ่งมีการอ้างอิงถึงสายพันธุ์ เป็นเวลาหลายปีที่ถูกเรียกว่า "สุนัขศักดิ์สิทธิ์" ในประเทศเยอรมันนีราวปี ค.ศ. 1828 มีการเสนอให้เรียกชื่อว่า อัล เพนค็อก ในปี ค.ศ. 1833 นักเขียนคนหนึ่งชื่อ ดาร์เนียล วิลสัน ได้พูดถึงสุนัขเป็นครั้งแรกที่เรียกว่า เซนต์ เบอร์นาร์ด แต่จนกระทั่งปี ค.ศ. 1865 ชื่อเซนต์ เบอร์นาร์ดจึงปรากฏขึ้นอย่างแน่ชัด และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 จึงได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ

สุนัขพันธุ์เซนต์ เบอร์นาร์ดประสบกับปัญหาอันเนื่องมาจากสายพันธุ์เริ่มอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก เพราะกันอยู่แต่สายพันธุ์เดียว ( Inbreeding) ประกอบกับโรคภัยไข้เจ็บ นักบุญจึงต้องการให้มีการผสมข้ามพันธุ์ เพื่อเพิ่มขนาดและพลังความแข็งแกร่งใหม่ให้สุนัข จึงเลือกสุนัขพันธุ์ นิวฟาวด์แลนด์ ซึ่งในขณะนั้นมีขนาดใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์เซนต์ เบอร์นาร์ด ผลของการผสมข้ามพันธุ์นี้ ได้ผลเป็นที่พึงปรารถนาในทุกๆ ด้าน และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำลายรูปแบบและลักษณะนิสัยของเซนต์ เบอร์นาร์ดเลย

อย่างไรก็ตาม จากการผสมข้ามพันธุ์ทำให้ได้สุนัขพันธุ์เซนต์ เบอร์นาร์ดขนยาวขึ้นมาเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้จนถึงปี ค.ศ. 1830 สุนัขเซนต์ เบอร์นาร์ดทั้งหมดมีขนสั้น ปีต่อๆ มาของการผสมพันธุ์ทำให้มีเซนต์ เบอร์นาร์ดเกิดขึ้นอย่างมากมายในหุบเขาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในประเทศเยอรมันนี ประเทศยุโรปอื่นๆ รวมทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริกา

มาตราฐานสายพันธุ์
ลักษณะทั่วไป : เป็นสุนัขที่มีพละกำลัง รูปร่างสูงได้สัดส่วน แข็งแร่งและมีมัดกล้ามเนื้อในทุกส่วน ศีรษะแข็งแรง เป็นสุนัขที่มีท่าทางฉลาดเฉลียวมากที่สุด สุนัขที่มีหน้ากากสีดำจะทำให้ดูเข้มขึ้นแต่ไม่ทำให้ลักษณะโดยส่วนรวมเสียไป แต่อย่างใด
อุปนิสัย : ฉลาด ร่าเริง ช่างประจบประแจง สอนง่าย จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาช้านานทั่วทุกมุมโลก
ศีรษะ : มีความแข็งแกร่งมาก มีขนาดใหญ่โตและกว้าง กระดูกแก้มอยู่สูง มีสันกระดูกเหนือตาชัดเจนมาก ผิวหนังที่หน้าผากเหนือตาเป็นรอยย่นจนเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นแนวเส้นเข้าไปรวมที่เส้นกลางศรีษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสุนัขกำลังตื่นตัว รอยย่นจะเห็นได้ชัดมากขึ้น การที่มีรอยย่นมากจนเห็นชัดเกินไปไม่เป็นที่นิยม ความลาดเอียงของกะโหลกศีรษะ มายังจมูกจะหักมุมค่อนข้างมาก

จมูก : จมูกจะสั้นไม่เรียวเล็กตรงปลาย และความลึกในแนวดิ่งที่ฐานของจมูกต้องมากกว่าความยาวของจมูก สันของจมูกไม่โค้งแต่จะเป็นแนวตรง ในสุนัขบางตัวจะหักเล็กน้อย ร่องกลางศรีษะตื้นเห็นได้ชัดเจนและค่อนข้างกว้าง

ปาก : ริมฝีปากไม่บางจนเกินไป แต่จะโค้งอย่างสวยงามมายังขอบด้านล่างและเหลื่อมริมฝีปากล่างเล็กน้อย ริมฝีปากล่างต้องไม่ห้อยมากไป ฟันควรมีความแข็งแรงและสบกันพอดี ลักษณะขากรรไกรล่างสั้น แม้จะพบในสุนัขตัวที่มีความพร้อมสวยงามก็เป็นลักษณะที่ไม่นิยม ถ้าขากรรไกรบนสั้นถือว่าเป็นข้อบกพร่อง ปากที่เป็นสีดำเป็นลักษณะที่ได้รับความนิยม

หู : มีขนาดปานกลาง ตั้งอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างสูงที่บริเวณฐาน ห่างจากศีรษะเล็กน้อย แล้วพับงอลงมาด้านข้างแนบอยู่กับศีรษะ ใบหูนิ่มมีลักษณะสามเหลี่ยมปลายมนยาวออกไปเล็กน้อย ทางด้านปลาย ขอบหูด้านหน้าอยู่แนบชิดกับศีรษะ โดยที่ขอบหูด้านหลังอาจอยู่ห่างจากศีรษะเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสุนัขอยู่ในท่าเตรียมพร้อม

ตา : ตั้งอยู่ทางด้านหน้ามากกว่าทางด้านข้าง มีขนาดปานกลาง สีน้ำตาลเข้ม มีแววตาฉลาดและเป็นมิตร มีความลึกปานกลาง เปลือกตาด้านล่างปิดไม่สนิท จึงทำให้เกิดรอยย่นที่มุมตาด้านใน หนังตาที่หย่อนมากเกินไป จนทำให้เห็นต่อมน้ำตาอย่างชัดเจน หรือมีสีแดงมาก เปลือกตาหนาและตามีสีจางเกินไปเป็นลักษณะที่ไม่นิยม

ลำคอ : ชูตั้งสูงและในขณะปฏิบัติหน้าที่ลำคอจะตั้งตรง นอกจากนั้นแล้วจะอยู่ในแนวระนาบ การเชื่อมต่อของศีรษะและคอจะเห็นได้ชัด โดยบริเวณต้นคอมีมัดกล้ามเนื้อมากและด้านข้างมีความกลม ซึ่งทำให้มองเห็นว่าลำคอสั้น จะมีส่วนหนังที่ยื่นลงมาบริเวณใต้คอจนเห็นได้ชัด แต่ถ้าชัดมากเกินไปจะไม่เป็นที่นิยม
หัวไหล่ : กว้างและมีความลาดเอียง มีมัดกล้ามเนื้อมากและมีพละกำลัง ส่วนสูงสุดของไหล่จะมองเห็นได้ชัดเจน

หน้าอก : มีความโค้งมาก ลึกพอประมาณ ไม่ยื่นลงไปต่ำกว่าข้อศอก

หลัง : กว้างมากเป็นแนวเส้นตรงจนถึงสะโพก จากตรงนี้จะค่อยๆ ลาดลงไปจนถึงส่วนท้าย และประสานกลมกลืนกัน จนไม่เน้นร่องรอยเข้าไปยังส่วนโคนหาง ส่วนท้ายของตัวพัฒนาขึ้นมาอย่างดี ขามีมัดกล้ามเนื้อมาก

ท้อง : แยกออกจากส่วนเอวที่มีพละกำลังมากจนเห็นได้ชัด ลอยสูงขึ้นเล็กน้อย

หาง : ใหญ่ และยาว มีน้ำหนัก ขณะพักจะห้อยลงม้วนงอเล็กน้อย ในช่วงหนึ่งในสามของหางส่วนปลาย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นข้อบกพร่องในสุนัขที่มีลักษณะดีหลายตัว หางจะอยู่ในลักษณะปลายงอนเล็กน้อย เพราะฉะนั้นจึงอยู่ในรูปของอักษร " f " ในขณะเคลื่อนไหวหางจะชูขึ้น แต่ไม่ถึงขนาดชูตั้งตรงหรือม้วนหางอยู่เหนือหลัง การที่ปลายหางม้วนลงเล็กน้อยเป็นลักษณะที่ยอมรับได้

ขน : ดก หนาแน่นมาก โดยมีความยาวพอประมาณ ขนหยิกเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับม้วนงอและไม่ยุ่งเป็นกระเซิง ตามปกติที่หลังโดยเฉพาะจากบริเวณส่วนท้ายจนถึงก้นขนจะหยิกมากกว่า เป็นเงื่อนไขที่กำหนดในสุนัขขนสั้น หางจะมีขนเป็นพุ่ม โดยมีขนดกหนาแน่นยาวปานกลาง ขนหางที่หงิกงอไม่เป็นที่นิยม หางที่ขนด้านใดด้านหนึ่งที่เรียกว่า flag tail เป็นข้อบกพร่อง ที่ใบหน้าและหูจะปกคลุมด้วยขนที่สั้นและอ่อนนุ่ม ขนที่ยาวกว่าที่ฐานของหูเป็นที่ยอมรับได้ ขาหน้ามีขนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต้นขาจะมีขนค่อนข้างมาก

สี : ขาวกับแดงหรือแดงกับขาว สีแดงจะมีหลายเฉดสี แถบสีเทากับมีจุดสีขาว สีแดงและสีเหลืองออกน้ำตาลจะมีคุณค่าเท่ากัน รอยแต้ม ( marking ) ที่จำเป็นคือ หน้าอก เท้าและปลายหาง สีแดงขาวและแต้มสีขาว จะเป็นที่นิยมมากถ้ามีสีเดียวหรือไม่มีสีขาวจะไม่นิยม สีอื่นๆ ทั้งหมดถือว่าเป็นข้อบกพร่อง เว้นแต่เฉดสีที่นิยมกันที่มีอยู่ที่ศีรษะและหู ( หน้ากาก )

ขนาด : ตัวผู้สูงอย่างน้อย 27.5 นิ้ว ตัวเมียสูงอย่างน้อย 25.5 นิ้ว
ข้อ บกพร่อง : สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่ผิดไปจากมาตรฐาน เช่นหลังคดและหลังยาวไม่ได้สัดส่วน ข้อเท้าขาหลังโค้งงอมากไป ส่วนท้ายของลำตัวเป็นเส้นตรง มีขนขึ้นบริเวณนิ้วเท้า ข้อเท้าแบบวัว และข้อเท้าขาหน้าอ่อนแอ

Charlie Chaplin



ชื่อเต็มๆคือ Sir Charles Spencer Chaplin,Junior
นักแสดงชาวสหราชอาณาจักรผู้มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง ในยุคต้นถึงยุคกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ของฮอลลีวูด อีกทั้งยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ซึ่งมีผลงานโดดเด่นหลายเรื่องด้วยกัน ตัวละครที่เขาแสดงซึ่งมีผู้จดจำได้มากที่สุดคือ "คนพเนจร" (The Tramp) ซึ่งมักปรากฏตัวในลักษณะคนจรจัดซึ่งสวมเสื้อนอกทับตัวสวมกางเกงและรองเท้าหลวม สวมหมวกดาร์บีหรือหมวกโบว์เลอร์
ถือไม้เท้าซึ่งทำจากไม้ไผ่ และไว้หนวดจิ๋ม

แชปลินเป็นบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดคนหนึ่งในยุคภาพยนตร์เงียบ ดังจะเห็นได้จากการที่เขาทั้งแสดง กำกับ เขียนบท อำนวยการสร้าง และรวมไปถึงประพันธ์ดนตรีประกอบในภาพยนตร์ของเขาเอง

ประวัติ

ชาร์ลี แชปลินเกิดที่กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1889
พ่อชื่อ Charles Chaplin Senior เป็นนักร้องและนักแสดง
แม่ชื่อ Lily Harley เป็นนักแสดงและนักร้องโอเปรา
ชาร์ลีมีพี่ชายต่างพ่ออีกคนชื่อ Sydney
พ่อและแม่ของชาร์ลีหย่ากันตั้งแต่ชาร์ลียังเล็ก ชาร์ลีต้องเริ่มแสดงครั้งแรกตอนแม่ป่วยระหว่างแสดงละคร แม้จะประสบปัญหาทางการเงิน แต่ความฝันของชาร์ลีก็ยังไม่หมดไป ทุกเย็นชาร์ลีจะไปเดินเตร่แถวสำนักจัดหานักแสดง

เมื่ออายุ 12 ปี ชาร์ลีได้งานแสดงงานแรกเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ชื่อ Billy ในละครเรื่อง Sherlock Holmes และได้งานต่อมาในเรื่อง Jim, The Romance of a Cockney และเริ่มเป็นที่รู้จัก ชาร์ลีได้เข้ากลุ่มนักแสดงที่ชื่อ The Eight Lancashire Lads และได้รับความนิยมมากขึ้นจากฝีมือการเต้นแท็ปของเขา

ตัวละครที่มีชื่อเสียงที่สุดของชาร์ลีคือ the Tramp
ส่วนหนังที่สร้างชื่อเสียงให้เขาคือ The Kid (1921), City Light (1931), Modern Times (1936) และ The Great Dictator (1940)

ชาร์ลีถึงแก่กรรมในวันคริสต์มาส ค.ศ. 1977

Mr.Bean



Mr.Bean เป็นตัวละครหลัก รับบทโดย โรแวน แอทคินสัน เป็นคนที่ลักษณะที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่น เป็นคนชอบประดิษฐ์ (แต่ไม่เข้าท่า) มีเพื่อนที่มิสเตอร์บีนรักมากที่สุดคือ เท็ดดี้ มีแฟนคือ ไอรมา ก็อบ มิสเตอร์ บีน ทำงานอยู่หอศิลป์แห่งชาติที่ลอนดอน เป็นผู้รักษาความปลอดภัย (รปภ.) มิสเตอร์ บีนเป็นคนที่มีเสียงทุ้ม แต่ถ้าพูดติดต่อกันหลายๆคำ จะพูดเร็ว ในตอนแรกมิสเตอร์ บีน เป็นนักเรียนที่เก่งในวิชา ตรีโกณมิติ ในภาพยนตร์เรื่อง บีน เดอะมูฟวี่ ชื่อมิสเตอร์ บีน เรียกว่าจะเรียกว่า บีน ตัดคำว่า มิสเตอร์ (ยกเว้นช่วงที่อยู่ที่ลอนดอน) แต่ในภาพยนตร์เรื่อง มิสเตอร์บีน พักร้อนนี้มีฮา ในพาสปอร์ต จะเขียนชื่อมิสเตอร์ บีนว่า โรวัน
ในตอนเปิดตัวมิสเตอร์ บีน ตกจากท้องฟ้าจากลำแสงสีขาวเลยมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว

เท็ดดี้
เป็นตุ๊กตาหมี ซึ่งเป็นเพื่อนที่มิสเตอร์ บีน นั้นรักมากที่สุด มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล เท็ดดี้เคยได้รับอันตรายถึง 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกโดนกระเป๋างับคอ (ในตอน Mr. Bean in Room 426) ตัวหดลงจากการซักผ้า (ในตอน Tee Off, Mr. Bean)
เท็ดดี้มีลักษณะที่แตกต่างกันในตอน The Trouble with Mr. Bean ศีรษะจะเล็ก แต่ใน 2 ตอนต่อมา ศีรษะจะค่อนข้างใหญ่และตาทำมาจากกระดุม

ไอรมา ก็อบ

รับบทโดย มาทิลดา ซีเกลา เป็นแฟนของมิสเตอร์บีน

รถของมิสเตอร์ บีน

เป็นรถยุค 70 เป็นรถมินิ ในตอนแรกรถของมิสเตอร์ บีน เป็นสีส้มทะเบียนรถคือ RNT 996H แต่กลับต้องพังเพราะว่ามิสเตอร์ บีน ขับรถชนกำแพง จนต่อมาตั้งแต่ตอนที่ 3 เป็นต้นมารถของมิสเตอร์ บีน เลยเปลี่ยนรถเป็นสีเขียวและทะเบียนรถคือ SLW 287R รถของมิสเตอร์บีนราคา 57 ปอนด์

มิสเตอร์ บีน ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แต่เพื่อเพิ่มความฮาเลยสร้างฉากตกมาจากฟ้า

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ดวงอาทิตย์



ดวงอาทิตย์เป็นส่วนสำคัญที่สุดของระบบสุริยะ เป็นผู้ดึงดูดให้ดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอยู่และดวง อาทิตย์ยังให้แสงและความร้อนกับดาวเคราะห์นั้นด้วย ถ้าไม่มีดวงอาทิตย์ระบบสุริยะก็จะมืดมิดและหนาวเย็น เมื่อผ่าดวงอาทิตย์ออกมาเป็นชิ้นภายในดวงอาทิตย์นั้นไม่ได้แข็งเหมือนโลก ดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มก๊าซดวงใหญ่ที่ลุกเป็นเปลวไฟ ดวงอาทิตย์ประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียม ดวงอาทิตย์ไม่ได้เผาไหม้ด้วยการเปลี่ยนก๊าซไฮโดรเจนเป็นก๊าซฮีเลียม ดวงอาทิตย์เป็นสิ่งที่ร้อนที่สุดในระบบสุริยะที่ใจกลาง ดวงอาทิตย์จะร้อนถึง15 ล้านองศาเซลเซียส ความร้อนขนาดนี้เพียงก้อนโตเท่าหัวเข็มหมุดก็จะทำให้คนที่ยืนอยู่ห่าง 150 กิโลเมตรตายได้
กาลิเลโอเป็นคนแรกที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเอง และจากการศึกษา ของนักดาราศาสตร์ทำให้ทราบว่า การหมุนรอบตัวเองของดวงอาทิตย์ในบริเวณเส้นศูนย์สูตรจะมีความเร็วกว่าที่บริเวณขั้วเหนือและขั้วใต้

ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ศูนย์กลางของระบบสุริยะ เนื้อสารส่วนใหญ่ของระบบสุริยะอยู่ที่ดวงอาทิตย์ คือ มีมากถึง 99.87% เป็นมวลสารดาวเคราะห์รวมกันอย่างน้อยกว่า 0.13% ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับดาวฤกษ์อื่น ๆ บนฟ้า แต่เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด จึงปรากฏเป็นวงกลมโต บนฟ้าของโลกเพียงดวงเดียว ดาวฤกษ์อื่นปรากฏเป็นจุดสว่าง เพราะอยู่ไกลมาก ขนาดที่แท้จริงโตกว่าโลกมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 109 เท่าของโลก
ดวงอาทิตย์สร้างพลังงานขึ้นมาเองโดยการเปลี่ยนเนื้อสารเป็นพลังงานตามสมการของ ไอน์สไตน์ E = mc2 (E คือพลังงาน, m คือ เนื้อสาร, และ c คือ อัตราเร็วของแสงสว่างในอวกาศซึ่งมีค่าประมาณ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที) บริเวณที่เนื้อสารกลายเป็นพลังงาน คือ แกนกลางซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 15 ล้านองศาเซลเซียส ณ แกนกลางของดวงอาทิตย์มีระเบิดไฮโดรเจนจำนวนมาก กำลังระเบิดเป็นปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ ที่ไฮโดรเจนหลอมรวมกันกลายเป็นฮีเลียม ในแต่ละวินาทีไฮโดรเจนจำนวน 4 ล้านตันกลายเป็นพลังงาน ใน 1 ปีดวงอาทิตย์เมื่อเทียบกับมวลสารของดวงอาทิตย์ทั้งหมด 2 x 1027 ตัน หรือ 2,000 ล้านล้านล้านตัน หรือ 332,946 เท่าของโลก
ที่ผิวของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิประมาณ 5,700 องศาเซลเซียส หรือประมาณ 6,000 เคลวิน ดวงอาทิตย์จึงถูกจัดเป็นดาวฤกษ์สีเหลือง มีอายุประมาณ 5,000 ล้านปี เป็นดาวฤกษ์หลัก อยู่ในช่วงกลางของชีวิต ในอีก 5,000 ล้านปี ดวงอาทตย์จะจบ ชีวิตลงด้วยการขยายตัวแต่จะไม่ระเบิด เพราะแรงโน้มถ่วงมีมากกว่าแรงดัน ในที่สุดดวงอาทิตย์จะยุบตัวลงอย่างสงบกลายเป็นดาวขนาดเล็ก เรียกว่า ดาวแคระขาว

ภัยแฝงจาก "บะหมี่สำเร็จรูป"



อาหารชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าแทบทุกบ้านต้องมีติดไว้คือ "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" ที่มีราคาถูก ทั้งยังกินง่ายประหยัดเวลา และเพราะรูปแบบการกินง่ายดายเช่นนี้เอง ที่ทำให้เรามองข้ามความใส่ใจถึงภัยร้ายที่แฝงมาพร้อมกับการกินบะหมี่กึ่ง สำเร็จรูปแบบผิดวิธี

ส่วนประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแป้งสาลีในกรรมวิธี การผลิตถึง 60-70% ส่วน 15-20% เป็นไขมันในซองเครื่องปรุง (น้ำมันทอดบะหมี่สำเร็จรูปมักเป็นน้ำมันพืชราคาถูก ซึ่งมีคุณสมบัติแตกตัวเป็น "กรดไขมันชนิดทรานส์" ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุการกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจ) ที่เหลืออีก 5-6% เป็นเกลือและผงชูรส ทั้งยังมีปริมาณโซเดียมเกินความต้องการของร่างกายปนอยู่มาก ซึ่งเป็นอันตรายต่อไต และยังจะทำให้ความดันโลหิตสูงอีกด้วย

แต่หากหลีกเลี่ยงที่จะทานไม่ได้ ทางกระทรวงสาธารณสุขเขาก็มีข้อแนะนำว่าให้ ใส่ไข่,ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ควรเลือกซื้อบะหมี่สำเร็จรูปที่เขียนกำกับว่า เพิ่มสารไอโอดีน,ธาตุเหล็ก และวิตามินเอไว้หน้าซอง

ไม่ควรทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบๆ เพราะเส้นบะหมี่นั้นจะไปพองตัวในกระเพาะอาหารอาจทำให้ท้องอืดได้ และไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง เพื่อป้องกันโรคต่างๆที่แทรกมาพร้อมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

คริส หอวัง




ประวัติ
ชื่อ-สกุล : ศิริน หอวัง
ชื่อเล่น : คริส
วัน/เดือน/ปีเกิด : 5 กรกฏาคม 2523

การศึกษา
- AreeDanceSchool
- โรงเรียนนานาชาติ ร่วมฤดี (RIS)
- Walnut hill Performance arts School Boston USA
- California Institute of Arts LA, USA

ผลงานที่ผ่านมา
- ถ่ายโฆษณา
- ถ่ายแบบในนิตยสาร
- ถ่ายมิวสิควีดีโอ
- ถ่ายภาพยนตร์
- เขียนหนังสือให้คำแนะนำวัยรุ่นกับ พลอย หอวัง ชื่อ "แรกรัก เริ่มเดท"


ทำไมต้องรักเธอ

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

Jenny , Juno รักจี๊ดจ๊าดหัวใจหวานฉ่ำ



เรื่องJenny , Juno รักจี๊ดจ๊าดหัวใจหวานฉ่ำ เป็นเรื่องที่ดูสบาย ๆ แต่ยังแฝงไว้ด้วยสิ่งที่กำลังเป็นปัญหาสำหรับสังคมยุคปัจจุบัน นั่นคือปัญหารักในวัยเรียน ความวุ่นวายเริ่มต้นเมื่อเด็กสาวชั้นมัธยม Jenny และแฟนหนุ่มของเธอ Juno พบว่าเจนนี่ตั้งท้อง เพียงเพราะว่าทั้งคู่พลาดไปเพียงครั้งเดียว เจนนี่และจูโน่ต่างก็ยังอยู่ในวัยเรียน แต่ติดอยู่อย่างเดียวนั่นก็คือ ทั้งเขาและเธออายุแค่ 15 ปี เท่านั้นเอง ทั้งคู่จึงต้องปิดความลับนั้นเอาไว้ให้นานที่สุด ทว่ายิ่งนานวันเข้า ท้องของเจนนี่ก็เริ่มใหญ่ขึ้นทุกที เหตุการณ์วุ่นวายปนน่ารักของทั้งคู่จึงไม่ได้อยู่ภายในโรงเรียนเท่านั้น หากแต่กำลังไปถึงหูของพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย



ซารังฮัลกอยา